ได้เบาะแสระเบิดปัตตานีแล้ว!! วงจรปิดจับภาพรูปมือระเบิด ธง”บีอาร์เอ็น”โผล่ยะลา

ได้เบาะแสระเบิดปัตตานีแล้ว!! วงจรปิดจับภาพรูปมือระเบิด ธง”บีอาร์เอ็น”โผล่ยะลา

ธงป่วน - ธงสัญลักษณ์ ขบวนการบีอาร์เอ็น จำนวน 7 ผืน ถูกนำมาผูกที่ราวสะพาน ริมถนนในพื้นที่ หมู่ 5 ต.อาซ่อง อ.รามัน จ.ยะลา นอกจากนี้ยังมีการเผายางรถยนต์หลายจุด คาดผู้ก่อเหตุต้องการสร้างสถานการณ์ เมื่อวันที่ 25 ต.ค.

ธง”บีอาร์เอ็น”โผล่ป่วนยะลา หลังเกิดเหตุ บึ้มตลาดโต้รุ่งเมืองปัตตานีแค่วันเดียว เผยเป็น กลุ่มที่ไม่ได้เข้าร่วมกับกลุ่มมาราปาตานีที่พูดคุยสันติภาพกับรัฐบาลไทย”บิ๊กตู่”ชี้อาจเป็นผลกระทบมาจากเรื่องกระบวนการพูดคุย ที่อีกฝ่ายต้องการแสดงศักยภาพ พบภาพวงจรปิดมือซุกบึ้มตลาดโต้รุ่งปัตตานี เอ็นจีโอในพื้นที่ก็แถลงประณามกลุ่มก่อเหตุ กลุ่มตากใบงดกิจกรรมรำลึกเหตุสลายม็อบตากใบ

วันที่ 25 ต.ค. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. แถลงภายหลังการประชุมครม. ที่ทำเนียบรัฐบาล ถึงเหตุระเบิดตลาดโต้รุ่ง เทศบาลเมืองปัตตานี จ.ปัตตานี เมื่อวันที่ 24 ต.ค.ที่ผ่านมาว่า ตราบใดที่ยังมีฝ่ายที่จ้องจะกระทำอยู่อาจจะมีเหตุเกิดขึ้น เราพยายามทำอย่างเต็มที่ จะเห็นได้ว่าคนเหล่านี้ไม่ได้ปรากฏกายอย่างชัดเจน แต่จะอยู่ปะปนกับประชาชน ขณะนี้หลายๆ อย่างดีขึ้น แต่เรื่องตรงนี้มีผลกระทบที่อาจจะมาจากเรื่องกระบวนการพูดคุย เป็นการสร้างศักยภาพฝ่ายเขา ฉะนั้นไม่อยากให้เราให้ความสำคัญเรื่องการข่าวมากนัก ให้เป็นเรื่องของการเสนอข้อเท็จจริงไป รัฐบาล หน่วยข่าวต่างๆ จะพยายามทำอย่างเต็มที่ให้เกิดความสงบเรียบร้อยโดยเร็วที่สุดในทุกมาตรการ

ด้าน พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม ในฐานะหัวหน้าผู้แทนพิเศษของรัฐบาลในการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุ 2-3 วัน ได้พูดคุยกับพล.อ. เฉลิมชัย สิทธิสาท ผบ.ทบ. และพล.ท. ปิยวัฒน์ นาควานิช แม่ทัพภาคที่ 4 เกี่ยวกับการรักษาความปลอดภัยชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ที่ต้องดูเป็นหลักเพราะถ้าพื้นที่ปลอดภัยในระดับหนึ่งจะทำให้การพัฒนาเรื่องต่างๆ ที่จะเข้ามาในพื้นที่ได้เกิดความมั่นใจ

พล.อ.อุดมเดชกล่าวว่า รู้สึกเสียใจที่เกิดเหตุ เพราะให้แนวทางไปแล้วว่าต้องดูเรื่องชุมชน และถนนสายหลักต่างๆ ต้องพยายามไม่ให้เกิดเหตุ แต่ต้องยอมรับว่าพื้นที่มีบริเวณกว้าง และห่างไกลอาจจะเกิดเหตุขึ้นได้เพราะยังมีกลุ่มคนที่หลงผิดและเข้าใจผิดไปก่อเหตุ จึงต้องกำชับเพื่อนำไปสู่การแก้ไขต่อไป ซึ่งพล.อ.เฉลิมชัยรับเรื่องไปดำเนินการโดยตรง ขณะที่กองทัพภาค 4 ต้องปรับแนวทางให้เป็นไปตามนโยบายให้ดีที่สุด และก่อนหน้านั้นทำได้ดีมาในระยะหนึ่ง จึงต้องพยายามควบคุมสถานการณ์เพื่อจะได้พัฒนาด้านอื่นๆ ต่อไป

เมื่อถามว่าเหตุที่เลือกก่อเหตุในช่วงเวลานี้ เพราะใกล้ช่วงครบรอบเหตุการณ์ตากใบหรือไม่ พล.อ.อุดมเดชกล่าวว่า เราระมัดระวังอยู่เสมอช่วงที่จะครบรอบเหตุการณ์ต่างๆ และจะมีการแจ้งเตือน ทั้งนี้ผู้แทนพิเศษของรัฐบาลลงไปรับฟังสถานการณ์ตั้งแต่ต้นเดือนต.ค.ที่ผ่านมา เพื่อขับเคลื่อนกับผู้ที่เกี่ยวข้องในกลุ่มงานด้านต่างๆ ที่รับผิดชอบในพื้นที่ระหว่างวันที่ 26-28 ต.ค. และวันที่ 31 ต.ค.นี้ มีการประสานงานนัดหมายกับตัวแทนแต่ละกลุ่มงานที่มีกระทรวงต่างๆ รับผิดชอบ เพื่อรับฟังรายละเอียดแผนงานของกลุ่มงานต่างๆ ให้ผู้แทนพิเศษของรัฐบาลได้รับทราบให้เกิดความเข้าใจ และมีการจัดลำดับงานที่เร่งด่วน ที่กำหนดเอาไว้ในคณะกรรมการขับเคลื่อนการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (คปต.) เพื่อให้การแก้ปัญหามีประสิทธิภาพ

วันเดียวกัน พล.ท.ปิยวัฒน์ พร้อมนาย วีรนันท์ เพ็งจันทร์ ผวจ.ปัตตานี ไปเยี่ยม ผู้บาดเจ็บจากเหตุลอบวางระเบิดที่ร้านก๋วยเตี๋ยวนายเบิ้มนครปฐม บริเวณตลาดโต้รุ่ง เขตเทศบาลเมืองปัตตานี ทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บ 22 ราย เหตุเกิดเมื่อคืนวันที่ 24 ต.ค.ที่ผ่านมา พร้อมมอบเงินช่วยเหลือและกระเช้าให้กับผู้ได้รับบาดเจ็บที่ยังพักรักษาตัวที่ ร.พ.ปัตตานี 11 ราย

โดยเฉพาะ 2 รายที่บาดเจ็บสาหัสพักรักษาตัวในห้องไอซียูคือ ด.ช.พรหมพิริยะ พรหมนุกูล อายุ 7 ขวบ ที่สะเก็ดระเบิดทะลุตัดลำไส้ แพทย์ต้องตัดลำไส้ทิ้งไปเกือบ 60 ซ.ม. และนางมโนชา ไม่ทราบนามสกุล ถูกสะเก็ดระเบิดจนทำลายดวงตาข้างซ้ายบอด ส่วนตาขวาสาหัสแพทย์ระบุยังไม่มั่นใจว่าจะกลับมามองเห็นอีกหรือไม่ ส่วนขาขวาแพทย์ต้องตัดออกเนื่องจากแรงระเบิดทำให้กระดูกแหลก ผู้ป่วยทั้งคู่แพทย์ต้องเฝ้าดูอาการอย่างใกล้ชิด แต่ทั้งสองรู้สึกตัวและเข้มแข็ง มีญาติและพยาบาลคอยดูแลอย่างใกล้ชิด ส่วนผู้บาดเจ็บอีก 9 รายปลอดภัยแล้ว

ขณะที่น.ส.นริศรา มากชูชิต อายุ 16 ปี นักเรียนชั้น ม.6 โรงเรียนสาธิต มอ.ปัตตานี แพทย์ ร.พ.ปัตตานี ต้องตัดขาซ้ายออกและนำตัวส่งไปรักษาตัวที่ร.พ.มอ.หาดใหญ่ โดยอาการยังสาหัสเนื่องจากมีบาดแผลจากสะเก็ดระเบิดหลายแห่ง แพทย์ต้องดูแลอย่างใกล้ชิด

ด้าน พ.อ.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ โฆษก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า เปิดเผยว่า ตรวจสอบล่าสุดจากกล้องวงจรปิด พบภาพเบาะแสของคนร้ายค่อนข้างชัดเจน อยากจะยืนยันกับประชาชนว่า กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า จะบังคับใช้กฎหมาย กับผู้ที่กระทำความผิดอย่างเด็ดขาด เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดตรวจพบว่า ลักษณะของระเบิดที่ใช้ก่อเหตุคล้ายการลอบวางระเบิดที่หน้ามัสยิดกลางจังหวัดปัตตานี เมื่อวันที่ 3 ก.ค.ที่ผ่านมา คาดเป็นฝีมือกลุ่มที่เคลื่อนไหวในเขตพื้นที่เมืองปัตตานี

วันเดียวกันเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน บก.ภ.จว.ปัตตานี ตรวจสอบภาพวงจรปิดทั้งบริเวณที่เกิดเหตุ และตามเส้นทางต่างๆ ที่คาดว่าคนร้ายเข้ามาก่อเหตุและใช้เส้นทางหลบหนี ปรากฏว่า เวลา 05.40 น. คืนวันที่ 24 ต.ค. กล้องวงจรปิดบริเวณหน้าร้านจับภาพของผู้ต้องสงสัย 2 ราย ที่เชื่อว่าน่าจะเป็นคนร้ายที่ก่อเหตุขี่รถจักรยานยนต์เข้ามาทางด้านหลังของตลาดโต้รุ่งมาจอดใกล้กับรถเข็น จากนั้นคนที่นั่งซ้อนท้ายลงจากรถนำระเบิดมาซุกไว้ใต้รถเข็น ก่อนรีบขับรถออกไป โดยเจ้าหน้าที่ขยายภาพเพื่อตรวจสอบดูรูปพรรณของคนร้าย โดยเฉพาะคนร้ายที่ทำหน้าที่ขับรถไม่ปกปิดใบหน้า ส่วนคนนั่งซ้อนท้ายสวมหมวกปกปิดใบหน้า ขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังเร่งในการสืบสวนสอบสวนจากวัตถุพยานรวมไปถึงภาพวงจรปิด

วันเดียวกัน คณะทำงานวาระผู้หญิงชายแดนใต้ และองค์กรภาคประชาสังคม รวม 23 องค์กรสมาชิก ออกแถลงการณ์ประณามผู้ก่อเหตุครั้งนี้ โดยระบุว่าการกระทำความรุนแรงที่ไม่คำนึงถึงประชาชนผู้บริสุทธิ์ ที่กระทำการอันโหดร้าย ต่อ เด็ก ผู้หญิง คนแก่ คนที่ไม่มีอาวุธและไม่ใช่เป็นคู่ต่อสู้ ถือเป็นการละเมิดสิทธิพื้นฐานของมนุษย์ ที่มีสิทธิ์ มีชีวิตรอด เป็นการกระทำการยกเข่ง เหมารวมในพื้นที่สาธารณะ ซึ่งมีคนหลากหลายศาสนา เพศ วัย จำนวนมาก ไปใช้ประโยชน์ กลุ่มคนที่กระทำจึงควรถูกประณามจากสาธารณะอย่างยิ่ง

ด้านนางแยนะ สะแลแม แกนนำสตรีเหยื่อเหตุการณ์ตากใบ ผู้ประสานงานความยุติธรรมเหตุการณ์ตากใบ จ.นราธิวาส เผยว่า ในวันครบรอบตากใบ ในฐานะผู้ประสานความเป็นธรรมเหตุการณ์ตากใบจะจัดงานรำลึกทุกปี แต่เดือนปีนี้งดจัดงานเนื่องจากฝ่ายความมั่นคงขอความร่วมมือ สืบเนื่องจากการสวรรคตของในหลวง และอยู่ในช่วงแสดงความไว้อาลัย ส่วนตัวแล้วเห็นด้วยจึงประสานทีมงานเครือข่ายไม่จัดลักษณะกิจกรรมรำลึกดังกล่าว แม้จะไม่จัดงานแต่อยากบอกฝากรัฐบาลและภาครัฐว่า ประชาชนในพื้นที่ไม่เคยลืมบทเรียนความเจ็บปวดของครอบครัวทุกคน ดังนั้นบทเรียนที่เคยผิดพลาดมารัฐต้องแก้ไข อย่าให้มีข้อผิดพลาดเสมือนกรณีเหตุการณ์สลายม็อบตากใบอีก

วันเดียวกัน สภ.รามัน จ.ยะลา รับแจ้งว่ามีกลุ่มผู้ไม่หวังดีนำธงปักก่อกวนริมถนนในหมู่บ้านและบริเวณสะพานบ้านบูเกะซืองอ ม.5 ต.อาซ่อง รวม 7 ผืน และเผายางรถยนต์ 1 จุด ตรวจสอบพบเป็นธงสัญลักษณ์แทบสีแดง-ขาว ตรงมุมบนซ้ายมือมีรูปสี่เหลี่ยมสีดำ ภายในเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยวและดาวห้าแฉก 4 ดวง จึงเก็บไว้สอบและหาผู้ก่อเหตุมาสอบสวนต่อไป เบื้องต้นแหล่งข่าวรายงานว่า ธงดังกล่าวลักษณะคล้ายกับของกลุ่มพูโลเก่า แต่ปัจจุบันเป็นของกลุ่มบีอาร์เอ็น ซึ่งไม่เข้าร่วมกับกลุ่มมาราปาตานีที่ร่วมพูดคุยสันติภาพกับรัฐบาลไทย