ทำดีไม่ได้ดี ทำดีไม่มีคนเห็น แล้วจะทำอย่างไรดี...... ต้องอ่าน!!!

ทำดีไม่ได้ดี ทำดีไม่มีคนเห็น แล้วจะทำอย่างไรดี...... ต้องอ่าน!!!

ทำดีไม่ได้ดี ทำดีไม่มีคนเห็น แล้วจะทำอย่างไรดี

 

สำหรับคนที่มีปัญหาเรื่องงานที่บอกว่า ทำดีไม่ได้ดี หรือทำดีไม่มีคนเห็นนั้น หากพิจารณากันให้ดีๆ จะเห็นว่าส่วนมากมาจากการกระทำที่มาจากกาย วาจา ใจ ที่เป็นการผิดศีลในข้อที่ 2 ทั้งเรื่องของการลักทรัพย์หรือไปครอบครอง ถือสิทธิ์ในสิ่งที่เจ้าของเขายังไม่อนุญาตและ  ศีลในข้อ 4 เรื่องของการพูดไม่ตรงกับความจริง หรือใช้วาจาที่เกิดผลร้ายต่อผู้อื่นถ้ามาจากรรมเก่าในอดีต เราก็ไปแก้ไขอะไรไม่ได้

ดี

            นอกจากจะสร้างกรรมดีใหม่ให้มากเพื่อเพื่อให้กรรมดีนั้นส่งผลกรรมเก่าที่ทำมาและในเรื่องของปัจจุบันกรรม หรือที่เป็นอยู่ในตอนนี้ก็ต้องระมัดระวัง หากยังมีการละเมิดหรือผิดศีลอีก ต้องหยุดลด ละ เลิก เสีย เราจะต้องพิจารณาอย่างจริงจังว่าดูว่า เมื่อรู้แบบนี้แล้วยังไปทำซ้ำกันอีกหรือไม่ ไปก่อให้เกิดเจ้ากรรมนายเวรในที่ทำงาน คนรอบข้างอีกหรือไม่ เพราะกรรมที่ทำในปัจจุบันที่ไม่นานมานี้หรือไม่กี่ปีมานี้ ก็ส่งผลได้ในชาตินี้เช่นกัน และจะกลายเป็นอุปสรรคกรรมที่ทำให้งานนั้นไม่เป็นไปตามที่เราปรารถนาหรือไม่มีคนเห็นคุณค่าในผลงานที่เรา ไม่เห็นการทุ่มเททั้งแรงกาย แรงใจ แรงเงินของเรา หรืออาจะจะถึงขั้นดูหมิ่นดูแคลนเสียด้วยซ้ำ ต้องสังเกตดูว่า

1.ในงานที่เราทำนั้น ได้มีความชั่ว หรือสิ่งไม่ดีไม่งามบางอย่างแทรกซ้อนปะปนอยู่ในงานนั้นหรือไม่ ตัวอย่างเช่น เราทำงานชิ้นหนึ่งสำเร็จได้เพราะเราไปขโมยความคิด ไปเอาไอเดียคนอื่นมาทำโดยไม่ขออนุญาต

2.วิธีการหรือกระบวนการที่จะให้งานนั้นสำเร็จ เราไปติดสินบน ไปสอนหรือให้คนที่เกี่ยวข้องไปคดโกงใครหรือไม่

3.งานที่เราทำ การค้าที่กำลังทำนั้น ต้นตอของเงินที่นำมาใช้ในการทำงานนั้น เป็นเงินบริสุทธิ์ที่ได้มาอย่างถูกต้องหรือไม่

4.มีอะไรบ้างที่ไม่ใช่ของเรา แต่เราแอบเอาไปใช้เป็นประโยชน์ หรือไปครอบครองหรือยังไม่ขออนุญาตเจ้าของ เช่น ไปใช้ปากกามาเขียนรายงานโดยไม่ได้รับการอนุญาตหรือไม่ ไปใช้สถานที่ใช้โต๊ะของคนอื่น ที่เจ้าของก็เลยไม่ได้ใช้ประโยชน์จากโต๊ะนั้น

5.ยังคงโกงค่าแรงเพื่อนร่วมงาน ลูกน้อง ไปบีบบังคับเขาให้ทำงานให้โดยที่เขาไม่เต็มใจจะทำ ประเภทสั่งทำโอทีก่อนเลิกงาน 5 นาที

6.ยังคงใช้วาจาที่เชือดเฉือนหัวใจคนอื่น หรือคนที่เกี่ยวข้องหรือไม่

          สรุปแล้วก็คือ เราต้องพิจารณาการกระทำของเรา สิ่งที่เกี่ยวข้องไม่ว่าคน สัตว์ สิ่งของหรือสิ่งใดที่เกี่ยวข้องในงานที่เราทำ ให้ยึดใช้หลักการของพรหมวิหาร 4 ให้มาก ทั้งเมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยเฉพาะเรื่องของอุเบกขา คือ การวางเฉยนั้น เมื่องานที่เราทำไปแล้วยังไม่ได้รับคำชม คนอื่นไม่เห็นค่า ไม่เห็นผลงาน ขอโปรดจงอย่าท้อถอย พยายามหมั่นเพียรต่อไปในงานที่ทำ พิจารณางานทุกชิ้น ทุกส่วนที่เกี่ยวข้องด้วยสติที่สมบูรณ์ ยึดหลักในเรื่องความดีเอาไว้ให้มั่น อย่าสั่นคลอน เมื่อถึงเวลาแล้ว ความดีหรือกรรมดีนั้นต้องปรากฏแน่นอน