หมอมโน”เผย เส้นทางหนี “ธัมมชโย”

หมอมโน”เผย เส้นทางหนี “ธัมมชโย”

ในที่สุด ทั้ง “ดีเอสไอ” และ “ตำรวจ” ก็มาถึง “ก้าวสำคัญ”ในคดีของ “วัดพระธรรมกาย”

นั่นก็คือ จะเชื่อ”แหล่งข้อมูล”ของตนแค่ไหน
แหล่งข้อมูล 1 คือ นายไพบูลย์ นิติตะวัน แหล่งข้อมูล 1 คือ นพ.มโน เลาหวณิช
ยอมรับเถิดว่า 2 คนนี้มี “ความสำคัญ”
ไม่ว่ากรณีอันเกี่ยวกับ พระเทพญาณมหามุนี ไม่ว่ากรณีอันเกี่ยวกับ สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์
ล้วนมาจากการผลักดันของ 2 คนนี้
จากที่เคยลังเล เก้ๆกังๆ ในที่สุด ก็นำไปสู่คดีว่าด้วยการรับของโจร ว่าด้วยการฟอกเงิน ในกรณีของ พระเทพญาณมหามุนีและวัดธรรมกาย
เช่นเดียวกับกรณี”รถหรู”กับวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ
แต่เมื่อกรณี “ข่าวลือ” การหนีออกนอกประเทศไม่ว่า พระเทพญาณมหามุนี และ นายองอาจ ธรรมนิทา ถูก”ปล่อย”ออกมาอย่างเป็นระบบ
“ดีเอสไอ” และ”ตำรวจ”ก็เริ่มไม่แน่ใจ

ความไม่แน่ใจของ “ตำรวจ” ความไม่แน่ใจของ “ดีเอสไอ”อยู่ที่ไม่ สามารถยืนยันได้
“ตำรวจ” ไม่สามารถ “มโน”
ยิ่ง “ดีเอสไอ” แม้จะใกล้ชิดยิ่งกับ นพ.มโน เลาหวณิช ในฐานะ “ที่ปรึกษา”
แต่ก็ยากอย่างยิ่งที่จะใช้สูตร “มโน” ได้
“ดีเอสไอ”จึงจำเป็นต้องใช้ช่องทางการสอบถามไปยังเจ้าหน้าที่ของประเทศฝรั่งเศส
ให้ช่วยยืนยันการเดินทางเข้าประเทศ
ทางออกในลักษณะผ่อนปรนเพื่อแสดงการให้น้ำหนักกับฐานข้อมูลของ นพ.มโน เลาหวณิช อยู่ ก็ทำได้แต่เพียงระบุ
“ช่องทาง” ออกไปในทาง “ธรรมชาติ”

กระนั้น กระบวนการออกนอกประเทศอัน”ปล่อย”ออกมาจากปาก นพ.มโน เลาหวณิช ก็วิลิศมาหราอย่างยิ่ง
โดยระบุ นายองอาจ ธรรมนิทา ผ่านทาง”ลาว”
โดยระบุ พระเทพญาณมหามุนี เดินทางไปกับ “ตู้คอนเทนเนอร์”
หากเอา “ข้อมูล” จาก นายไพบูลย์ นิติตะวัน เข้าเสริม
ที่ว่ามีความเป็นไปได้ที่จะเดินทางออกผ่านชายแดนด้านตะวันออกผ่านเกาะสอง ระนอง
ก็จะยิ่งทุลักทุเล
เพราะขบวน”ตู้คอนเทนเนอร์”จะต้องออกจากคลองหลวงไปตามถนนสายใต้ ผ่านประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร แล้วจึงจะเข้าสู่ระนองได้
นี่จึงเป็นงานอันหนักหน่วงยิ่ง ไม่ว่าต่อ”ดีเอสไอ” ไม่ว่าต่อ”ตำรวจ” เพราะจะอาศัยการคิดเพียงด้านเดียวคงไม่ได้ จำเป็นต้องมีหลักฐาน
“หลักฐาน” คือ เครื่องมือสำคัญ